น้ำมันมะพร้าว
คืออะไร
น้ำมันมะพร้าวก็คือ
น้ำมันที่ได้จากผลมะพร้าวนั่นเอง
โดยนำมาสกัดแยกน้ำมันออกจากเนื้อมะพร้าวด้วยวิธีสกัดเย็น
ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อนสูง และไม่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี
น้ำมันที่ได้จึงมีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่นหืน อาจมีชิ้นเนื้อมะพร้าว
และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะพร้าวปนมาด้วย เพราะเหตุนี้เอง
น้ำมันมะพร้าวจึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ ทั้งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น
น้ำมันมะพร้าวเป็นของเหลวก็จริง
แต่ก็สามารถกลายสถานะเป็นของแข็งได้
โดยน้ำมันมะพร้าวจะมีสถานะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิสูงกว่า 25
องศาเซลเซียส และกลายสถานะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25
องศาเซลเซียส แต่เราสามารถทำให้มันเป็นของเหลวได้อย่างง่ายโดยใช้ความร้อนเพียงเล็กน้อย
ในน้ำมันมะพร้าวนั้นประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว
(มากกว่า 90% จากปริมาณกรดไขมันทั้งหมด)
แต่กรดไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่ที่พบในน้ำมันมะพร้าว
เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง (medium chain fatty acid)
น้ำมันมะพร้าวที่ดี
สังเกตยังไง
น้ำมันมะพร้าวที่วางขายกันทั่วไปอาจมีหลายยี่ห้อ
ทำให้เราตัดสินใจเลือกไม่ถูกว่าแบบไหนดีกว่ากัน
เรามีวิธีการสังเกตน้ำมันมะพร้าวที่ได้คุณภาพมาฝากค่ะ
* ต้องมีความใส ไม่มีสี ลักษณะโปร่งแสง
ไม่มีการตกตะกอน แต่การสังเกตจากข้อนี้อาจไม่ชัดเจน
เพราะบางยี่ห้อก็บรรจุในขวดพลาสติกขุ่น หรือมีสี
แต่ถ้าบรรจุขวดแก้วก็จะสังเกตได้ง่ายกว่า
* ต้องมีกลิ่นหอมของมะพร้าว
ไม่มีกลิ่นหืน หรือเปรี้ยว แม้ว่าจะมีการเปิดใช้หลายครั้งแล้ว แต่ด้วยกระบวนการผลิตในบางยี่ห้อ
อาจมีการดัดแปลงโดยใช้น้ำหอมสังเคราะห์กลิ่นมะพร้าว หรือกลิ่นมะพร้าวน้ำหอมเข้าไป
ทำให้มีกลิ่นหอมมากในตอนเปิดขวดแรก ๆ แต่หลังจากนั้นความหอมจะจางลง
กลายเปลี่ยนเป็นเหม็นเปรี้ยว ซึ่งจะทำให้อายุของน้ำมันมะพร้าวอยู่ได้ไม่นาน
* ต้องความหนืดน้อย
สามารถกลืนลงคอได้อย่างง่ายดาย มีความรู้สึกเหมือนละลายในปาก
ไม่ให้ความรู้สึกเลี่ยน หรือเมื่อนำไปทาผิวแล้ว สามารถซึมสู่ผิวได้เร็ว
ไม่ทิ้งคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิว
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น
บำรุงสุขภาพ
กินน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเบาหวาน
โรคมะเร็ง โรคไขข้อ
นำน้ำมันมะพร้าวมาหมักผมก็จะช่วยบำรุงเส้นผม
ทำให้ผมดกดำ สวยเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งช่วยบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมร่วง
ผมแตกปลาย ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมตอนแห้ง ทิ้งไว้ 30
นาทีแล้วสระออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่พันกัน
เส้นผมตรงมากยิ่งขึ้น ป้องกันผมหงอกได้ดี
นอกจากนี้ยังช่วยรักษารังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะด้วย ทำเพียงสัปดาห์ละ 2
ครั้ง โดยชโลมผมด้วยน้ำมันมะพร้าวทิ้งไว้ 30 นาที แล้วสระออกด้วยแชมพู
น้ำมันมะพร้าวใช้ทาช่วยแก้อาการผิวแห้ง
ผิวแตก ผิวลอก ผิวเป็นขุยได้ ใช้ทาผิวเพื่อป้องกันรอยหมองคล้ำจากแสงแดด
และยังป้องกันโรคมะเร็งจากแสงแดดได้อีกด้วย
แก้ปัญหาส้นเท้าแตก
ด้วยการทาน้ำมันมะพร้าวและนวดคลึงทุกวันก่อนนอนติดต่อกันประมาณ 1
สัปดาห์
ใช้เป็นคลีนซิ่งออยล์ทำความสะอาดผิว
และยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยทำให้ผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
โดยใช้น้ำมันมะพร้าวหยดบนสำลีพอประมาณแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า สามารถใช้เช็ดรอบดวงตา
พวก อายแชโดว์ อายไลเนอร์ มาสคาร่า และลิปสติกริมฝีปากได้หมดเกลี้ยง
สำหรับผู้ที่แต่งหน้าสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเช็ดทำความสะอาดได้ 2
รอบเพื่อความสะอาดอย่างหมดจด
เมื่อเช็ดด้วยน้ำมันมะพร้าวทั่วทั้งใบหน้าแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออกด้วยสบู่ หลังจากนั้นซับหน้าให้แห้ง
ใช้ทาหน้าบางๆ
ก่อนนอนแทนครีมบำรุงผิว จะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ฝ้า กระ จางลง
แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนกลางคืนหรือช่วงก่อนเข้านอน
มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติเป็นเลิศที่ไม่มีน้ำมันอื่นใดในโลกเสมอเหมือน
ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวมีองค์ประกอบที่ดีเด่นดังต่อไปนี้
กรดไขมันอิ่มตัว
(Saturated
Fatty Acids)กรดไขมันขนาดกลาง
ทำให้น้ำมันมะพร้าวไม่ต้องใช้น้ำย่อยและเคลื่อนที่เร็วไปเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ตับจึงไม่สะสมเป็นไขมัน
นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้เร่งเมตาบอลิซึม
จึงไปเปลี่ยนแคลอรีให้เป็นพลังงานได้สะดวกยิ่งขึ้น มีสารต่อต้านเชื้อโรค
(Anti-germs) เช่น ไวรัส และแบคทีเรียที่มีเกราะหุ้ม
แต่ไม่ฆ่าจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และไม่เกิดการดื้อยา
แต่กลับช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายมีสารต่อต้านการเติมออกซิเจน (Antioxidants)
จึงไม่มีโอกาสเกิดอนุมูลอิสระเกิดความร้อนเพิ่มขึ้นในร่างกาย
(Thermogenesis)
น้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานในอัตราสูงขึ้นจึงเกิดความร้อนเพิ่มขึ้นในร่างกาย
ช่วยเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปให้เป็นพลังงานเป็นน้ำมันอเนกประสงค์
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็นอาหาร
ใช้เป็นยารักษาโรค ใช้เป็นเครื่องสำอาง
ใช้เป็นแหล่งของพลังงาน ใช้เสริมความสุขทางเพศ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย น้ำมันมะพร้าวเป็นแหล่งของพลังงานทางเลือกที่ดีของมนุษย์
เพราะให้พลังงานที่มีคุณภาพและปลอดภัย
เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นแหล่งของพลังงานของมนุษย์ได้ดังนี้
ให้พลังงานแก่ร่างกาย
ในรูปของน้ำมันมะพร้าว: น้ำมันมะพร้าวมีองค์ประกอบส่วนหนึ่งเป็นธาตุคาร์บอนเช่นเดียวกับน้ำตาลกลูโคส ร่างกายจึงสามารถใช้เป็นแหล่งของพลังงานได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีน้ำตาลกลูโคสหรือร่างกายใช้น้ำตาลกลูโคสไม่ได้ ดังเช่นในกรณีที่เซลล์ต่อต้านอินซูลิน (Insulin resistance) ไม่ยอมให้อินซูลินพาน้ำตาลเข้าไปในเซลล์หรือในกรณีที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ในกรณีดังกล่าว น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้ทดแทนน้ำตาลได้ โดยการเปลี่ยนเป็นพลังงานในตับเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มพลังให้แก่นักกีฬาอย่างรวดเร็วระหว่างหยุดพัก
ในรูปของน้ำมันมะพร้าว: น้ำมันมะพร้าวมีองค์ประกอบส่วนหนึ่งเป็นธาตุคาร์บอนเช่นเดียวกับน้ำตาลกลูโคส ร่างกายจึงสามารถใช้เป็นแหล่งของพลังงานได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีน้ำตาลกลูโคสหรือร่างกายใช้น้ำตาลกลูโคสไม่ได้ ดังเช่นในกรณีที่เซลล์ต่อต้านอินซูลิน (Insulin resistance) ไม่ยอมให้อินซูลินพาน้ำตาลเข้าไปในเซลล์หรือในกรณีที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ในกรณีดังกล่าว น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้ทดแทนน้ำตาลได้ โดยการเปลี่ยนเป็นพลังงานในตับเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มพลังให้แก่นักกีฬาอย่างรวดเร็วระหว่างหยุดพัก
ในรูปของสารคีโตน
(Ketone): การเกิดสารคีโตนเกิดได้ 2 วิธีคือ หนึ่ง
จากไขมันที่สะสมไว้ในร่างกาย เมื่อเกิดภาวะที่หลอดเลือดมีระดับน้ำตาลต่ำ
ไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน (Fatty
Acids) และเคลื่อนย้ายไปยังตับ และถูกตับเปลี่ยนให้เป็นสารคีโตน ซึ่งเป็นสุดยอดของอาหารที่ให้พลังงานแก่เซลล์ สอง
จากไขมันในน้ำมันมะพร้าวที่บริโภคเข้าไป
หากมีการบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไปในร่างกาย ไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ขนาดกลาง (Medium
Chain Triglycerides-MCTs) ในน้ำมันมะพร้าวจะเคลื่อนย้ายไปยังตับอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ต้องอาศัยน้ำดี และไปเปลี่ยนเป็นสารคีโตนที่เซลล์นำไปใช้เป็นพลังงาน
กลไกของการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานโดยใช้ MCTs เปลี่ยนให้เป็นคีโตนเกิดขึ้น
เพราะร่างกายใช้ MCTs แทนคาร์โบไฮเดรต
วิธีนี้ช่วยให้พลังงานจากคีโตนเข้าไปสู่กระแสเลือดโดยปราศจากการใช้อินซูลิน
นั่นคือ MCTs เป็นไขมันที่ทำหน้าที่คล้ายคาร์โบไฮเดรต โดยการเป็นเชื้อเพลิงให้แก่เซลล์
ให้พลังงานแก่สมอง
ตามปกติน้ำตาลกลูโคสเป็นตัวจัดหาพลังงานให้แก่เซลล์สมอง แต่เมื่อหลอดเลือดเข้าสู่สมองถูกอุดตันจากการเกิดการอักเสบเรื้อรัง และการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่เกินพอ ทำให้สมองทำงานช้าลงเพราะขาดเชื้อเพลิง ส่งผลให้การเจริญเติบโตและการพัฒนาหยุดชะงัก และความจำที่สะสมไว้ก็สูญหายไปเมื่อเซลล์สมองขาดพลังงาน และต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ในสถานการณ์ดังกล่าว สารคีโตนจะถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสุดยอด (Super Fuel) ของสมอง ทดแทนที่ได้จากน้ำตาลกลูโคส
ตามปกติน้ำตาลกลูโคสเป็นตัวจัดหาพลังงานให้แก่เซลล์สมอง แต่เมื่อหลอดเลือดเข้าสู่สมองถูกอุดตันจากการเกิดการอักเสบเรื้อรัง และการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่เกินพอ ทำให้สมองทำงานช้าลงเพราะขาดเชื้อเพลิง ส่งผลให้การเจริญเติบโตและการพัฒนาหยุดชะงัก และความจำที่สะสมไว้ก็สูญหายไปเมื่อเซลล์สมองขาดพลังงาน และต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ในสถานการณ์ดังกล่าว สารคีโตนจะถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสุดยอด (Super Fuel) ของสมอง ทดแทนที่ได้จากน้ำตาลกลูโคส
วิธีกินน้ำมันมะพร้าว
ความพิเศษของน้ำมันมะพร้าวอยู่ตรงที่เราสามารถตวงกับช้อนแล้วกินได้เลย
หรือจะนำไปปรุงเป็นเมนูคาวหวานก็ได้ แม้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะกินแล้วดีต่อสุขภาพ
แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องปริมาณการบริโภค รวมถึงต้องปรับพฤติกรรมการกินควบคู่ไปด้วย
มิเช่นนั้น อาจให้ผลตรงกันข้าม
สำหรับวิธีการกินน้ำมันมะพร้าวที่เหมาะสมนั้น
อาจยึดหลักจากน้ำหนักตัว ดังนี้
- น้ำหนักตัว 30-40 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ไม่เกิน 0.5 ช้อนโต๊ะต่อวัน
- น้ำหนักตัว 40.1-60 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน
- น้ำหนักตัว 60.1-80 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ไม่เกิน 1.5-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
- น้ำหนักตัว 80.1 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ไม่เกิน 2.5-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
- เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ไม่เกินวันละ 1-2 ช้อนชา
- ผู้สูงอายุรับประทานไม่เกินวันละ 1-2
ช้อนโต๊ะต่อมื้อ
ทั้งนี้
การกินน้ำมันมะพร้าวภายในครั้งเดียวร่างกายอาจรับไม่ได้ ดังนั้น ควรจะแบ่งทานเป็น 3
เวลา
นอกจากนี้อาจรวมถึงการนำน้ำมันมะพร้าวไปเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงประกอบอาหาร เช่น
นำไปผัดอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่น ๆ
อย่างไรก็ดี
ควรเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
น้ำมันมะพร้าว มีข้อเสียไหม
น้ำมันมะพร้าว มีข้อเสียไหม
ตามกลไกของร่างกายแล้ว
การกินน้ำมันวันละประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะนั้น
ถือเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถกำจัดออกได้หมด คำแนะนำส่วนใหญ่จึงถือว่าการกินน้ำมันมะพร้าววันละ
1-2 ช้อนโต๊ะ เป็นปริมาณที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่ารับพลังงานไขมันจากแหล่งอื่นมากน้อยแค่ไหน
โดยคำแนะนำคือปริมาณบริโภคเมื่อรวมกับน้ำมันและไขมันในอาหารชนิดอื่น ๆ แล้ว
ไม่เกินวันละ 3-4 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 60 กรัม ดังนั้น หากเป็นคนที่ได้รับน้ำมันและไขมันจากอาหารชนิดต่าง ๆ แล้ว 2
ช้อนโต๊ะ ก็สามารถบริโภคน้ำมันมะพร้าวได้อีกไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ หรือถ้าเป็นคนที่ทานมังสวิรัติ ไม่รับประทานนม ไข่ ชีส
หรือน้ำมันอื่น ๆ ก็อาจทานน้ำมันมะพร้าวได้มากขึ้น
ดังนั้น
ทางที่ดีควรพิจารณาจากความเหมาะสมของสุขภาพตัวเอง
เพราะถ้าหากทานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย ร่างกายกำจัดออกไม่หมด
ก็เกิดการสะสมได้ไม่ต่างจากไขมันประเภทอื่น
น้ำมันมะพร้าว
ทาหน้าได้ไหม
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นสามารถนำมาทาหน้าได้
เพียงแต่มีข้อควรรู้ในการใช้อยู่บ้าง ควรใช้น้ำมันมะพร้าวทาหน้าอย่างไร
ให้ได้หน้าขาวใส อย่างใจต้องการ
- ทาตอนกลางคืนดีกว่ากลางวัน เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติอุ้มแสง
อาจทำให้ผิวหน้าเราคล้ำลงบ้าง แต่สีผิวก็จะสม่ำเสมอกัน
เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติกระจายแสง
- สามารถผสมกับไนท์ครีมที่ใช้อยู่เป็นประจำได้
โดยการหยดน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1-2 หยดผสมกับไนท์ครีมที่ใช้อยู่ประจำ
จะช่วยเก็บล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวยามหลับได้ดี
- หากเป็นคนผิวหน้ามัน และผิวแพ้ง่าย
ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะยิ่งทำให้สิวขึ้นเห่อ
- ใช้มาร์กหน้าเพิ่มความชุ่มชื้นได้
นำสำลีชุบน้ำอุ่นบีบให้หมาด แล้วหยดน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1-2 หยดบนสำลี
เช็ดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าโดยไม่ต้องล้างออก
น้ำมันมะพร้าว
ทำอาหารได้ไหม
น้ำมันมะพร้าวสามารถนำไปปรุงอาหารได้เหมือนกับน้ำมันชนิดอื่น
โดยที่เราไม่ต้องกังวลว่ากินแล้วจะทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายเพิ่มขึ้น
เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลาง เมื่อรับประทานแล้วจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทันที
ร่างกายดึงไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้ดี
นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวแทนเนย และมาการีน
ที่จะช่วยเพิ่มความหอมอร่อยให้กับเมนูอาหารนั้น ๆ น่ารับประทานขึ้นอีกด้วย
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
วิธีการทำที่หลายคนอยากรู้
เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นราคาแพง ๆ แพ็กเกจสวย ๆ ในซุปเปอร์มาร์เกตนั้น
มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง แล้วเราสามารถทำเองได้ไหม เราขอตอบเลยว่า ทำได้
ลองทำตามสูตรนี้เลย
1. เก็บมะพร้าวงอก
หรือมะพร้าวที่มีจาว
2. นำมะพร้าวที่ขูดได้
ผสมน้ำเปล่า ในอัตราส่วน หัวกะทิ 1 กิโล ต่อน้ำ 1 ลิตร เพื่อนำไปคั้นเป็นน้ำกะทิ
3. นำน้ำกะทิมากรองใส่ถัง
แล้วผสมกับน้ำกะทิที่ได้ คนให้เข้าเนื้อกัน
4. ครอบฝาโดยการแง้มไว้
อย่าปิดแน่น ทิ้งไว้ประมาณ 14 - 20 ชั่วโมง หรือประมาณ 1
คืนกว่า ๆ เพื่อให้กะทิ และน้ำมันแยกชั้น โดยส่วนที่เราต้องการคือ
ตรงกลาง เป็นส่วนของน้ำมัน
5. เอาน้ำที่แยกชั้นอยู่ด้านล่างออก
โดยการดูดด้วยสายยางขนาดเล็ก กรณีใส่ถังที่มีก๊อกก็ปล่อยน้ำส่วนล่างออก
6. ใช้ช้อนตักส่วนที่เป็นขี้มันด้านบนออก
แล้วตักน้ำมันมะพร้าวแยกไว้ต่างหาก
ส่วนน้ำมันที่เหลือชั้นล่างสามารถนำไปทำน้ำมันเกรดสอง หรือใช้ในการประกอบอาหาร
7.
ตักส่วนที่เป็นน้ำมันออกมา นำไปกรองด้วยกระชอน 2 ใบซ้อนกัน แต่การซ้อนของกระชอน
จะต้องรองด้วยกระดาษทิชชูที่มีความหนาเล็กน้อยซ้อนกันประมาณ 6 ชั้น ส่วนที่ไหลผ่านกระชอนก็คือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
8. นำไปบรรจุขวดที่มีฝาปิดสนิท
การเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันชนิดอื่น ๆ
หากนำไปแช่ตู้เย็น ก็ยังคงสภาพเป็นของเหลว
แต่สำหรับน้ำมันมะพร้าวนั้นสามารถแข็งตัวได้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ซึ่งวิธีการเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าวไม่ให้เสียเร็วก่อนวันหมดอายุ
หรือ มีกลิ่นหืน ก็ควรจะบรรจุในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เก็บในอุณหภูมิห้อง
และไม่ควรโดนแสงแดดกรณีนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นแล้วเป็นไข
ก็สามารถทำให้ละลายได้โดยการอุ่นด้วยความร้อน
น้ำมันมะพร้าวที่เสียแล้ว
เป็นอย่างไร
วิธีการสังเกตน้ำมันมะพร้าวที่เสียแล้วนั้นง่ายมาก
คือ สีจะเปลี่ยนจากใสกลายเป็นเหลืองอ่อน ๆ หรือมีความขุ่น มีการตกตะกอน
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวเสียเร็วนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับว่าการเก็บรักษาหลังการใช้ เช่น ปิดฝาไม่สนิท มีสิ่งเจือปนอื่น ๆ
เก็บในที่ที่มีแสงแดดส่องเป็นเวลานาน เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
จากเอกสารวิชาการฉบับที่
3
/2558 น้ำมันมะพร้าวสุดยอด โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา
ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าว
แห่งประเทศไทย
แห่งประเทศไทย
ขอบคุณรูปภาพจาก
www.google.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น